Tsukimonogatari : Yotsugi Doll
(ซึกิโมโนกาตาริ บทโยซึกิดอลล์)
เรื่องย่อ : ยังไม่ปรากฎแน่ชัด
จำนวนตอน : 4
ซับโดย ALP-FS&AHR-Fansub
Tsukimonogatari : Yotsugi Doll ตอนที่ 1
Tsukimonogatari : Yotsugi Doll ตอนที่ 2
Tsukimonogatari : Yotsugi Doll ตอนที่ 3
Tsukimonogatari : Yotsugi Doll ตอนที่ 4
*ถ้าไม่อยากโดนสปอยไม่แนะนำให้อ่าน
- บทคร่าวๆ (เนื้อหาสปอยบท)
เปิดเริ่มเรื่องมาด้วยการแนะนำตัวน้องโย หรือ โอโนโนกิ โยทสึกิตัวหลัก(?)ของบทนี้ว่าเป็นสาวน้อยสึคุโมะกามิน่ารักปานตุ๊กตาอายุไม่กี่ขวบแสนจะไร้เดียงสาบลาๆๆๆๆๆ ตามแบบฉบับฉากเปิดนิยายจากนั้นก็ตามด้วยความคิดเห็นของไอ้อารารากิ โคโยมิ ซึ่งต่อไปขอเรียกว่าไอ้หงอน บรรยายความคิดไอ้หงอนอีกหลายหน้าก่อนจะทิ้งท้ายว่านี่คือเรื่องราวที่จะเป็นบทเริ่มต้นของ จุดจบ!!!! เรื่องทั้งหมด ตัดเข้ามาที่ไอ้หงอนโดนน้องนกกับน้องผึ้ง เข้ามาปลุกเช่นเดิม ก่อนที่จะบ่นร่ายยาวเรื่องนาฬิกาปลุกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดแสนจะเส็งเคร็งเฮงซวยและไอ้หงอนเกลียดเสียงและหลักการของมันมาก(แล้วทำไมเอ็งไม่ซื้อแบบเสียงพรีเคียวมาใช้ฟะ?จะบ่นเพื่อ?) จากนั้นก็คุยกันเรื่องวันวาเลนไทน์ก่อนไอ้หงอนจะเนียนขอช็อคโกแลตจากน้องสาวและโดนสาปส่งด้วยความสังเวชตามคาด จากนั้นก็สัพเพเหระลวนลามคาเรนไปตามเรื่อง(ละใว้ในฐานที่เข้าใจ) ก่อนจะพูดถึงเรื่องไฟร์ซิสเตอร์กันจากนั้นไอ้หงอนก็ไปเตรียมอ่างน้ำก่อนจะเจออีเวนท์สึกิฮิเข้ามาในห้องน้ำแบบกึ่งนู๊ดก่อนจะตบมุกว่าไอ้หงอนหื่นแล้วสกินชิปกัน...ด้วยการตีกันเล็กน้อยก่อนจะลงเอยด้วยการตัดสินว่าอาบน้ำด้วยกัน(ฉากบรรยายตอนอาบน้ำช่างหัวมันเหอะ...ผมไม่ใช่สายน้องสาว...แต่พ่อแม่พวกสูเป็นตำรวจแท้ๆทำไมไม่มาดูดำดูดีลูกๆบ้างฟระ) ในระหว่างอาบน้ำไอ้หงอนก็รู้สึกตัวว่ามันไม่มีเงาสะท้อนในกระจกแลยจัดการปิดปากน้องสาวด้วยวิธี...เอ่อ...ช่างมันเห๊อะ แต่ในตอนที่กำลังปิดปากสึกิฮิอยู่คาเรนก็กลับมาจากการวิ่งมาราธอนพอดีเลยจัดการโดดถีบไอ้หงอนซะหนึ่งดอก หลังจากผ่านพ้นวิกฤตห้องน้ำแสนระทึกมาได้ไอ้หงอนก็ตัดสินใจเรียกหาชิโนบุเพื่อขอคำปรึกษาด้วยประโยคคลาสสิค "เฮ้ ชิโนบุ ชิโนบุ ชิโนบุ ตื่นรึยัง...ไม่สิ ตื่นทีเถอะใหว้ล่ะชิโนบุ" ไอ้หงอนพูดคนเดียวในห้องก่อนจะสังเกตด้วยว่าแม้แต่กระจกในห้องก็ไม่มีภาพสะท้อนของตัวเอง ซึ่งหลังจากลงทุนแนบหน้าลงกับเงาบนพรมเรียกแล้วก็ไม่มีการตอบสนองจากชิโนบุกลับมา จากนั้นก็เป็นแฟลชแบ็คย่อๆถึงชิโนบุว่าเป็นอดีตแวมไพร์อกอึ๋มที่ไอ้หงอนเข้าไปพัวพันด้วยตอนโกลเด้นวีคนามคิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลดผ่านเหตุการณ์บลาๆๆๆๆ จนกลายมาเป็นสาวน้อยน่ารักผมทองอายุราวแปดขวบและสรุปอย่างย่นย่อซ้ำว่าคนที่อยู่ในเงาของไอ้หงอนในตอนนี้ก็คือโอชิโนะ ชิโนบุ ส่วนนี่ขอละเอียดนิดนึง "ชิโนบุ!ชิโนบุ!" ให้ตายสิ ไม่มีการตอบสนองโดยสิ้นเชิง ที่ไม่มีการตอบกลับมาแบบนี้...เพราะโดยปรกติแล้วแวมไพร์เนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตยามราตรีเลยไม่มีการตอบสนองตอนนี้อยู่แล้วรึเปล่าหว่า หรือเป็นเพราะว่ายังไม่มี "อะไร" ไปกระตุ้นให้ตอบกลับกันแน่ล่ะเนี่ย เพื่อพิสูจน์...ผมคงต้องทดสอบอะไรหน่อย ผมค่อยๆยืนขึ้น ชิโนบุ เอาล่ะนะ...ชิโนบุ "ชิโนบุ เช้าแล้วนะเฮ้ย!!!ถ้าไม่ยอมตื่นล่ะเดี๋ยวจะพลาดอะไรดีๆไปนา" ลองทำเรื่องไร้ค่าเลียนแบบน้องสาวที่เข้ามาปลุกตอนเช้าดู... ไม่มีรีแอคชั่นกลับมาอย่างที่คิดใว้เด๊ะ รึเป็นเพราะทำไม่เหมือนสองหน่อนั่นกันเนี่ย ผมรู้ดีว่าการโดนปลุกทั้งๆที่ง่วงอยู่เนี่ยมันแย่แค่ใหน เพราะงั้นผมจึงรู้ดีว่าควรจะรับมือยังไง ผมก้มลงเพื่อร้องเรียกอีกครั้ง... "ชิโนบุ!!! โดนัทมาแล้วนะเออ ชิโนบุ ของโปรดของเธอน่ะ มิสเตอร์โดนัทล่ะ โกลเด้นช็อคโกแล็ตไง" "แหล่มมากมาย!!!" เสียงกังวานดังก้อง พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวผมทอง ออกมาแบบง่ายๆด้วยลูกไม้ตื้นๆเลยแฮะ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ตัวละครในอนิเมสมัยเก่ามักจะต้องชูกำปั้นขึ้นฟ้าเวลาดีใจทุกที... แน่นอนว่าถ้าในกรณีนี้ผมที่อยู่เหนือเงาย่อมต้องโดนสอยปลายคางเข้าไปเต็มๆ... ผมลงไปกองอยู่ด้านหลัง...สภาพตอนนี้คงหงายคล้าแมลงอะไรตายล่ะนะ "โกลเด้น!โกลเด้นช็อคโกแลตอยู่ที่ใหนนำมันออกมาเดี๋ยวนี้นะนายท่าน หากนั่นคือคำโป้ปด เราจะกระชากเส้นเลือดท่านออกมาแล้วฆ่าทิ้งแน่ๆ" "..................." ผมดึงตัวขึ้น...รู้สึกเจ็บหลังหัวที่กระแทกกับพื้นเล็กน้อย ก็นะ...ผลตอบแทนที่ได้จากการไปกวนชิโนบุสิเนี่ย แต่ถ้าคิดว่าถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผมเชื่อมต่อไปที่เธอด้วยล่ะก็...มันก็ไม่ได้รุ้สึกแย่เท่าไหร่หรอก ในที่สุดชิโนบุ...ที่สุดแห่งบรรดาสิ่งแปลกประหลาด(ไคอิ)ทั้งมวลก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผมยันตัวท่อนบนขึ้น "เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ ชิโนบุ" ผมพูดออกไป "ผมไม่มีเงาสะท้อนในกระจก" "อะไรล่ะนั่น จะเล่านิทานเรื่องสโนว์ไวท์รึไง?งั้นนายท่านก็ช่างเป็นชายที่แสนดีมากมายสมกับที่มีคนอยากได้เป็นอันดับหนึ่งในโลกเลยล่ะ"(ตรงนี้ผมแปลผิดแน่ๆ...ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าชิโนบุต้องการจะสื่ออะไร) ชิโนบุหันรีหันขวางอย่างกระสับกระส่าย...คงต้องพูดอะไรบ้างล่ะ การที่ออกมาเดินวนเวียนหาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ล่ะนะ ผมยังหาเรื่องแถไม่ได้ด้วยสิ แถมท่าทางจะมองไปรอบๆเพื่อหาแต่โดนัทอย่างเดียวด้วย... ถ้าตอนนี้ผมพูดอะไรพลาดไปล่ะก็คงจบลงไม่งามแหงๆเพราะงั้นคงจะเป็นการดีกว่าถ้าจะเก็บเรื่องที่ตั้งใจจะพูดใว้ก่อน ".................." ในที่สุดชิโนบุก็หยุดมองไปรอบๆ... ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะว่าไม่ว่าจะมองไปที่ใหนเธอก็มองไม่เห็นโดนัทที่ว่านั่นแหละ จากนั้น...ผมพยายามทำหน้าตาให้จริงจังที่สุด เพื่อที่จะบอกออกไปว่าผมไม่สามารถเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกได้แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น... คำว่า "นายท่านของเรา" ก็มาพร้อมกับแววตาที่จ้องมอง "นี่นายท่าน...รู้อะไรใหม" "อะ...อะไรเล่า" "ในโลกใบนี้น่ะมันมีทั้งเรื่องที่โกหกได้และไม่สมควรที่จะโกหกนะ การโกหกที่ไม่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและการโกหกที่หยามหยันจิตวิญญาณ" "เอ่อ...นี่เธอจะบอกว่าการโกหกเรื่องโดนัทนี่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้งั้นเรอะ?" จิตวิญญาณของหล่อนก่อกำเนิดเกิดมาจากโดนัทรึไงฟะ? "ก็แน่นอนสิ..." ชิโนบุก้าวเดินมาอย่างแช่มช้า เสียงหัวเราะชวนสยองดังก้องแว่ว...อย่ามาใช้รอยยิ้มตัดสินโทษประหารกันในที่แบบนี้เซ่ "ที่นี่ไม่มีโดนัท...ไม่มีโดนัทที่เป็นสุดยอดในหมู่โดนัทอยู่เพราะงั้นจงรับรู้ด้วยร่างกายซะ รับรู้ถึงการถูกหลอกเรื่องโดนัทซร้าาาาาา" "ภาวะเสพติดโดนัทเรอะ!!!" จากนั้น ชิโนบุก็ทะยานเข้ามาอย่างแน่วแน่... แต่เรื่องในช่วงโกลเด้นวีค การตัดสินครั้งนั้นลิดรอนศักยภาพของแวมไพร์ของเธอไปมากมาย ก็นะ ที่เห็นในตอนนี้มันก็แค่การโจมตีบอดี้แอทแท็คจากเด็กสาวน่ารักอายุราวๆแปดขวบเท่านั้น ผมอ้าแขนทั้งคู่ออกแล้วสวมกอดเธอใว้ สวมกอดเธอด้วยความเอ็นดูที่สุดในโลก จากนั้นผมก็รู้สึกถึงการต่อต้านที่ลดลงในทันที ที่ยังขัดขืนอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงหน้าตาเท่านั้น "งือ...ลงโดนนายท่านกอดแบบนี้เราก็โกรธไม่ออกกันพอดีสิ" "แม่แวมไพร์ของผมจะเดเระเกินไปแล้ว!!!"(ผมมั่วและแอบอวย -3-) ...ฟินละ...กลับมาเข้าเรื่องย่อต่อ... หลังจากอาการลงเเดงโดนัทของชิโนบุสงบลง หงอนก็ปรึกษาเรื่องที่ไม่มีเงาในกระจกกับชิโนบุ ซึ่งชิโนบุก็ประเมินว่าเกิดจากการที่ไอ้หงอนนั้นให้ชิโนบุนั้นดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตหลายมากเกินไปและตอนนี้ก็น่าจะถึงลิมิตของมันแล้ว หากชิโนบุดูดเลือดไอ้หงอนอีกคราวนี้คงจะไม่ใช่แค่การทำให้ร่างกายมีความทนทานของแวมไพร์ หรือเเวมไพร์ที่พลังน้อยจนเกือบจะเป็นมนุษย์ แต่จะกลับไปเป็นแวมไพร์พลังเต็มเปี่ยมเหมือนเิดิมไปจริงๆ หรือพูดให้ง่ายเข้า...ฮาร์ทอันเดอร์เบลดกับผู้ติดตามจะกลับมา ซึ่งทั้งคู่ก็ตกลงวางแผนกันว่าจะหาคำปรึกษาจากนั้นไอ้หงอนก็ถามว่าควรจะเริ่มยังไงดีซึ่งชิโนบุก็ตอบไปสั้นๆว่า "นุ่งผ้าซะ!!!" จากการปรึกษากับชิโนบุ ชิโนบุลงความเห็นว่าสภาพของไอ้หงอนตอนนี้ร่อแร่จะกลายเป็นแวมไพร์อยู่แล้ว การที่ไม่มีเงาในกระจกก็ถือว่าเป็นผลพวงอย่างหนึ่งของอาการนี้ จากนั้นก็เล่นมุกเล็กน้อยตามประสาก่อนจะตัดกลับมาที่ไอ้หงอนนึกภาพของตัวเองตอนเป็นแวมไพร์ว่ามีความสามารถระดับอภินิหารแค่ใหน (ตามบทคิสุ ใครได้อ่านก็คงเข้าใจกัน) ซึ่งชิโนบุก็บอกให้ลองทดสอบดูโดยให้ไอ้หงอนยื่นแขนมาให้ชิโนบุข่วนซึ่งไอ้หงอนก็กล้าๆ กลัวถามว่าจะเจ็บมั๊ย ชิโนบุเลยกางเล็บออกแล้วบอกว่าข่วนแค่ผิวเองน่า(ตอนก่อนข่วนชิโนบุทำเสียงเอฟเฟคท์เองอีก...อืม..บ้าบอได้เรื่อยๆจริงๆอาเจ๊แวมพ์โลลินี่) ซึ่งจากการทดสอบก็เป็นไปตามคาด...ถึงจะไม่เร็วเท่าตอนโกลเด้นวีคแต่ไอ้หงอนก็ฟื้นตัวเร็วมากกว่าปรกติ หลังจากการทดสอบ + มุกตลกตายด้านจบลง ไอ้หงอนก็รู้ตัวว่าร่างกายของตัวเองนั้นก้าวเข้ามาสู่การเป็นแวมไพร์ไปเกือบครึ่งแล้วถึงในบางเรื่องที่ชิโนบุบอกมาอาจจะดูเหลือเชื่อไปนิดแต่หงอนก็เชื่อชิโนบุโดยที่ไม่มีข้อสงสัย ท้ายสุดทั้งคู่เลยถกกันว่าจะไปพึ่งใครดีเพราะโอชิโนะ เมเมะเองก็ไปอยู่ซะที่ใหนก็ไม่รู้แถมยังมีเรื่องของโอวกิอีก ไคกิก็ถูกตัดออกไปจากตัวเลือกด้วยเหตุผลบางประการที่รู้ๆกันดีในบท Koimonogatari และสำหรับกรณีแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำหรับเรื่อง "อมตะ" อย่างอาเจ๊คาเงนุอิ(ย้อนความความรู้สึกไอ้หงอนนี่เจ๊แกเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ) คือคนที่ไอ้หงอนอยากเลี่ยงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหลังจากร่ายยาวมาทั้งหมด ท้ายที่สุดชิโนบุก็เอ่ยชื่ออีกชื่อหนึ่งขึ้นมาว่า... "โอโนโนกิ โยสึกิไง" จากนั้นก็ร่ายยาวถึงน้องเก๊กหน้าสวยตามระเบียบ และมีการอ้างถึงคุรายามิกับสิ่งที่ไคอิควรเป็นด้วย (ใครอ่านบท Oni มาเเล้วน่าจะเข้าใจกันดี ว่าคุรายามิคืออะไร ทำหน้าที่อะไร บทที่น้องหอยสู่สุคตินั่นละ) ในระหว่างที่ไอ้หงอนกำลังนึกอยู่ว่าจะไปหาโอโนโนกิได้ที่ใหนนั้น ก็มีเมลมาจากกาเอ็น...แม่หญิงที่ประกาศตัวว่า"รู้ทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องใหนที่ไม่รู้"โดยมีใจความว่า (กาเอ็นคือคนที่เป็นรุ่นพี่ พวกโอชิโนะ อาเจ๊คาเงนุอิ เเล้วก็ไคกินั่นละ ใครอ่านบท Oni มาก็จะรู้) ในเมลจากกาเอ็นเขียนว่า [เจ็ดนาฬิกายามค่ำ(1ทุ่ม) ชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าที่สถานี ฉันส่งโยสึกิไปรออยู่ในโซนเกมของที่นั่น นานๆทีก็ตอบเมลกลับมาด้วยนะ จากเพื่อนของคุณ กาเอ็น อิสึโกะ] ซึ่งใจความหลักง่ายๆก็คือบอกว่าจะพบโอโนโนกิได้ที่เกมคอร์นเนอร์นั่นแหละ เมื่อรู้เรื่องแล้วไอ้หงอนก็ให้สึกิฮิไปค้างคืนที่บ้านสุรุกะพร้อมกับคาเรนด้วยการแถข้างๆคูๆไปเพื่อป้องกันกรณีเลวร้ายอย่างการปะทะกับคาเงนุอิ ก่อนจะโทรบอกภรรเมีย(ที่ได้รับการอนุมัติแล้วอย่างเป็นทางการจากค้างคาวและแมว) หรือน้องปูว่าจะไปผจญภัยหน่อยอย่าได้ห่วงไป จากนั้นไอ้หงอนก็ไปหาโอโนโนกิตามข้อมูลในเมลหลังจากขึ้นบันไดเลื่อนและมองหามุมเกมจนเจอแล้ว ไอ้หงอนก็ถึงกับเงียบเมื่อพบสิ่งที่ตามหาอยู่ในตู้คีบตุ๊กตา(ufo แคชเชอร์) สภาพแรกที่เจอโอโนโนกิก็คือนั่งจุมปุ๊กอยู่ในตู้กระจกคีบตุ๊กตา (นี่ตั้งใจเอาฮาใช่มั๊ย...?) เมื่อเห็นแบบนั้นไอ้หงอนเลยลองเคาะกระจกดูแล้วเรียก "โอโนโนกิ...[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "เอ่อ...โยสึกิ[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "โย...สึ...กิ...จาง" ไร้ซึ่งการตอบสนอง... "โย๊ต[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... เมื่อไม่มีผลไอ้หงอนจึงคิดว่าคงต้องลงทุนหน่อยแล้วจึงควักเนื้อตัวเองหยอดตูคีบตุ๊กตา ด้วยความคิดตื้นๆว่าแค่ตาละไม่กี่ตังค์เอาซะหน่อยก็ได้... และจากนั้นก็คงไม่ต้องเดากันสำหรับเรื่องนี้ว่ามันจะจบที่การผลาญเงินของไอ้หงอน...(รวมไปถึงตรรกะการเล่นเกมที่แสนจะบ้าบอของมัน) หลังจากวิบากกรรมผ่านพ้นไอ้หงอนก็สามารถจับโอโนโนกิลงช่องมาได้(มีโพสท่าด้วยนะ) แต่ก็ใช่ว่าจะจบเรื่อง... เพราะไซส์ของโอโนโนกินั้นใหญ่เกินกว่าที่จะออกมาจากช่องรับของไอ้หงอนเลยต้องออกแรงอีกรอบ หลังจากที่เอาโอโนโนกิออกมาได้และโดนตบตีด้วยสันมือตามประสาก่อนจะบอกว่า "กล้ามากนะที่ทำแบบนี้คุณพี่ชายยักษ์...คุณปีศาจ"(เพราะไอ้หงอนเเอบเนียน ทำกระโปรงน้องแกเปิด) จากนั้นก็ตบมุกเล้กน้อยก่อนจะทักทายกัน "ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ชายยักษ์" "เรียกแบบนั้นก็เหมาะกับผมแล้ว" "คุณพี่ชิโนบุเองก็ไม่ได้พบกันนานเลยนะ" "เรียกว่าคุณพี่ชิโนบุงั้นเหรอ อะไรล่ะนั่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกันซะหน่อย" "ขออภัยด้วยค่ะ ฉันผิดเองที่พูดไปตรงๆโดยไม่ได้คิดก่อน ฉันควรจะเรียกคุณว่าคุณแวมไพร์สินะ" "แบบนี้ก็พอรับได้ขึ้นมาหน่อย" จากนั้นก็เป็นการถามไถ่ถึงเรื่องว่าทำไมโอโนโนกิถึงมาอยู่ในตู้แบบนี้ แล็วก็กลับมาเข้าเรื่องว่าที่เธอไม่พูดตอนแรกเพราะเป็นคำสั่งของพี่สาว เมื่อไอ้หงอนถามว่าพี่สาวโอโนโนกิก็ชี้ไปที่บนหัวของไอ้หงอน... เมื่อแหงนมองก็พบเรียวขาของชิโนบุบนใหล่ (ชิโนบุยืนบนใหล่ไอ้หงอนตอนคุยกับโอโนโนกิ) มื่อมองสูงขึ้นไปกว่านั้นก็พบคำตอบ ชิโนบุยืนบนไหล่ไอ้หงอน เเละบนหัวชิโนบุมีอาเจ๊คาเงนุอิอยู่ ยืนต่อตัวกัน โดยที่ไอ้หงอนในตอนนี้ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยเเม้เเต่น้อย เพราะพละกำลังในฐานะเเวมไพร์ฟื้นคืนมาเยอะเเล้ว สตรีผู้ชำนาญการพิเศษสำหรับสิ่งลี้ลับประเภทอมตะ องเมียวจิผู้บ้าเลือดที่พร้อมจะบุกตะลุยด้วยฟอร์เมชั่นทูแมนเซล พี่สาววัยกลางคนของโอโนโนกิ โยสึกิ "คาเงนุอิ โยสึรุ" บนเรือนผมสีทองของชิโนบุ...ด้วยเท้าเพียงหนึ่ง ที่ไม่...แม้แต่จะถอดรองเท้า "ปรากฏกาย" ...สัตว์ประหลาดมาแล้ว...เปิดเริ่มเรื่องมาด้วยการแนะนำตัวน้องโย หรือ โอโนโนกิ โยทสึกิตัวหลัก(?)ของบทนี้ว่าเป็นสาวน้อยสึคุโมะกามิน่ารักปานตุ๊กตาอายุไม่กี่ขวบแสนจะไร้เดียงสาบลาๆๆๆๆๆ ตามแบบฉบับฉากเปิดนิยายจากนั้นก็ตามด้วยความคิดเห็นของไอ้อารารากิ โคโยมิ ซึ่งต่อไปขอเรียกว่าไอ้หงอน บรรยายความคิดไอ้หงอนอีกหลายหน้าก่อนจะทิ้งท้ายว่านี่คือเรื่องราวที่จะเป็นบทเริ่มต้นของ จุดจบ!!!! เรื่องทั้งหมด ตัดเข้ามาที่ไอ้หงอนโดนน้องนกกับน้องผึ้ง เข้ามาปลุกเช่นเดิม ก่อนที่จะบ่นร่ายยาวเรื่องนาฬิกาปลุกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดแสนจะเส็งเคร็งเฮงซวยและไอ้หงอนเกลียดเสียงและหลักการของมันมาก(แล้วทำไมเอ็งไม่ซื้อแบบเสียงพรีเคียวมาใช้ฟะ?จะบ่นเพื่อ?) จากนั้นก็คุยกันเรื่องวันวาเลนไทน์ก่อนไอ้หงอนจะเนียนขอช็อคโกแลตจากน้องสาวและโดนสาปส่งด้วยความสังเวชตามคาด จากนั้นก็สัพเพเหระลวนลามคาเรนไปตามเรื่อง(ละใว้ในฐานที่เข้าใจ) ก่อนจะพูดถึงเรื่องไฟร์ซิสเตอร์กันจากนั้นไอ้หงอนก็ไปเตรียมอ่างน้ำก่อนจะเจออีเวนท์สึกิฮิเข้ามาในห้องน้ำแบบกึ่งนู๊ดก่อนจะตบมุกว่าไอ้หงอนหื่นแล้วสกินชิปกัน...ด้วยการตีกันเล็กน้อยก่อนจะลงเอยด้วยการตัดสินว่าอาบน้ำด้วยกัน(ฉากบรรยายตอนอาบน้ำช่างหัวมันเหอะ...ผมไม่ใช่สายน้องสาว...แต่พ่อแม่พวกสูเป็นตำรวจแท้ๆทำไมไม่มาดูดำดูดีลูกๆบ้างฟระ) ในระหว่างอาบน้ำไอ้หงอนก็รู้สึกตัวว่ามันไม่มีเงาสะท้อนในกระจกแลยจัดการปิดปากน้องสาวด้วยวิธี...เอ่อ...ช่างมันเห๊อะ แต่ในตอนที่กำลังปิดปากสึกิฮิอยู่คาเรนก็กลับมาจากการวิ่งมาราธอนพอดีเลยจัดการโดดถีบไอ้หงอนซะหนึ่งดอก หลังจากผ่านพ้นวิกฤตห้องน้ำแสนระทึกมาได้ไอ้หงอนก็ตัดสินใจเรียกหาชิโนบุเพื่อขอคำปรึกษาด้วยประโยคคลาสสิค "เฮ้ ชิโนบุ ชิโนบุ ชิโนบุ ตื่นรึยัง...ไม่สิ ตื่นทีเถอะใหว้ล่ะชิโนบุ" ไอ้หงอนพูดคนเดียวในห้องก่อนจะสังเกตด้วยว่าแม้แต่กระจกในห้องก็ไม่มีภาพสะท้อนของตัวเอง ซึ่งหลังจากลงทุนแนบหน้าลงกับเงาบนพรมเรียกแล้วก็ไม่มีการตอบสนองจากชิโนบุกลับมา จากนั้นก็เป็นแฟลชแบ็คย่อๆถึงชิโนบุว่าเป็นอดีตแวมไพร์อกอึ๋มที่ไอ้หงอนเข้าไปพัวพันด้วยตอนโกลเด้นวีคนามคิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลดผ่านเหตุการณ์บลาๆๆๆๆ จนกลายมาเป็นสาวน้อยน่ารักผมทองอายุราวแปดขวบและสรุปอย่างย่นย่อซ้ำว่าคนที่อยู่ในเงาของไอ้หงอนในตอนนี้ก็คือโอชิโนะ ชิโนบุ ส่วนนี่ขอละเอียดนิดนึง "ชิโนบุ!ชิโนบุ!" ให้ตายสิ ไม่มีการตอบสนองโดยสิ้นเชิง ที่ไม่มีการตอบกลับมาแบบนี้...เพราะโดยปรกติแล้วแวมไพร์เนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตยามราตรีเลยไม่มีการตอบสนองตอนนี้อยู่แล้วรึเปล่าหว่า หรือเป็นเพราะว่ายังไม่มี "อะไร" ไปกระตุ้นให้ตอบกลับกันแน่ล่ะเนี่ย เพื่อพิสูจน์...ผมคงต้องทดสอบอะไรหน่อย ผมค่อยๆยืนขึ้น ชิโนบุ เอาล่ะนะ...ชิโนบุ "ชิโนบุ เช้าแล้วนะเฮ้ย!!!ถ้าไม่ยอมตื่นล่ะเดี๋ยวจะพลาดอะไรดีๆไปนา" ลองทำเรื่องไร้ค่าเลียนแบบน้องสาวที่เข้ามาปลุกตอนเช้าดู... ไม่มีรีแอคชั่นกลับมาอย่างที่คิดใว้เด๊ะ รึเป็นเพราะทำไม่เหมือนสองหน่อนั่นกันเนี่ย ผมรู้ดีว่าการโดนปลุกทั้งๆที่ง่วงอยู่เนี่ยมันแย่แค่ใหน เพราะงั้นผมจึงรู้ดีว่าควรจะรับมือยังไง ผมก้มลงเพื่อร้องเรียกอีกครั้ง... "ชิโนบุ!!! โดนัทมาแล้วนะเออ ชิโนบุ ของโปรดของเธอน่ะ มิสเตอร์โดนัทล่ะ โกลเด้นช็อคโกแล็ตไง" "แหล่มมากมาย!!!" เสียงกังวานดังก้อง พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวผมทอง ออกมาแบบง่ายๆด้วยลูกไม้ตื้นๆเลยแฮะ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ตัวละครในอนิเมสมัยเก่ามักจะต้องชูกำปั้นขึ้นฟ้าเวลาดีใจทุกที... แน่นอนว่าถ้าในกรณีนี้ผมที่อยู่เหนือเงาย่อมต้องโดนสอยปลายคางเข้าไปเต็มๆ... ผมลงไปกองอยู่ด้านหลัง...สภาพตอนนี้คงหงายคล้าแมลงอะไรตายล่ะนะ "โกลเด้น!โกลเด้นช็อคโกแลตอยู่ที่ใหนนำมันออกมาเดี๋ยวนี้นะนายท่าน หากนั่นคือคำโป้ปด เราจะกระชากเส้นเลือดท่านออกมาแล้วฆ่าทิ้งแน่ๆ" "..................." ผมดึงตัวขึ้น...รู้สึกเจ็บหลังหัวที่กระแทกกับพื้นเล็กน้อย ก็นะ...ผลตอบแทนที่ได้จากการไปกวนชิโนบุสิเนี่ย แต่ถ้าคิดว่าถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผมเชื่อมต่อไปที่เธอด้วยล่ะก็...มันก็ไม่ได้รุ้สึกแย่เท่าไหร่หรอก ในที่สุดชิโนบุ...ที่สุดแห่งบรรดาสิ่งแปลกประหลาด(ไคอิ)ทั้งมวลก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผมยันตัวท่อนบนขึ้น "เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ ชิโนบุ" ผมพูดออกไป "ผมไม่มีเงาสะท้อนในกระจก" "อะไรล่ะนั่น จะเล่านิทานเรื่องสโนว์ไวท์รึไง?งั้นนายท่านก็ช่างเป็นชายที่แสนดีมากมายสมกับที่มีคนอยากได้เป็นอันดับหนึ่งในโลกเลยล่ะ"(ตรงนี้ผมแปลผิดแน่ๆ...ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าชิโนบุต้องการจะสื่ออะไร) ชิโนบุหันรีหันขวางอย่างกระสับกระส่าย...คงต้องพูดอะไรบ้างล่ะ การที่ออกมาเดินวนเวียนหาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ล่ะนะ ผมยังหาเรื่องแถไม่ได้ด้วยสิ แถมท่าทางจะมองไปรอบๆเพื่อหาแต่โดนัทอย่างเดียวด้วย... ถ้าตอนนี้ผมพูดอะไรพลาดไปล่ะก็คงจบลงไม่งามแหงๆเพราะงั้นคงจะเป็นการดีกว่าถ้าจะเก็บเรื่องที่ตั้งใจจะพูดใว้ก่อน ".................." ในที่สุดชิโนบุก็หยุดมองไปรอบๆ... ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะว่าไม่ว่าจะมองไปที่ใหนเธอก็มองไม่เห็นโดนัทที่ว่านั่นแหละ จากนั้น...ผมพยายามทำหน้าตาให้จริงจังที่สุด เพื่อที่จะบอกออกไปว่าผมไม่สามารถเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกได้แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น... คำว่า "นายท่านของเรา" ก็มาพร้อมกับแววตาที่จ้องมอง "นี่นายท่าน...รู้อะไรใหม" "อะ...อะไรเล่า" "ในโลกใบนี้น่ะมันมีทั้งเรื่องที่โกหกได้และไม่สมควรที่จะโกหกนะ การโกหกที่ไม่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและการโกหกที่หยามหยันจิตวิญญาณ" "เอ่อ...นี่เธอจะบอกว่าการโกหกเรื่องโดนัทนี่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้งั้นเรอะ?" จิตวิญญาณของหล่อนก่อกำเนิดเกิดมาจากโดนัทรึไงฟะ? "ก็แน่นอนสิ..." ชิโนบุก้าวเดินมาอย่างแช่มช้า เสียงหัวเราะชวนสยองดังก้องแว่ว...อย่ามาใช้รอยยิ้มตัดสินโทษประหารกันในที่แบบนี้เซ่ "ที่นี่ไม่มีโดนัท...ไม่มีโดนัทที่เป็นสุดยอดในหมู่โดนัทอยู่เพราะงั้นจงรับรู้ด้วยร่างกายซะ รับรู้ถึงการถูกหลอกเรื่องโดนัทซร้าาาาาา" "ภาวะเสพติดโดนัทเรอะ!!!" จากนั้น ชิโนบุก็ทะยานเข้ามาอย่างแน่วแน่... แต่เรื่องในช่วงโกลเด้นวีค การตัดสินครั้งนั้นลิดรอนศักยภาพของแวมไพร์ของเธอไปมากมาย ก็นะ ที่เห็นในตอนนี้มันก็แค่การโจมตีบอดี้แอทแท็คจากเด็กสาวน่ารักอายุราวๆแปดขวบเท่านั้น ผมอ้าแขนทั้งคู่ออกแล้วสวมกอดเธอใว้ สวมกอดเธอด้วยความเอ็นดูที่สุดในโลก จากนั้นผมก็รู้สึกถึงการต่อต้านที่ลดลงในทันที ที่ยังขัดขืนอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงหน้าตาเท่านั้น "งือ...ลงโดนนายท่านกอดแบบนี้เราก็โกรธไม่ออกกันพอดีสิ" "แม่แวมไพร์ของผมจะเดเระเกินไปแล้ว!!!"(ผมมั่วและแอบอวย -3-) ...ฟินละ...กลับมาเข้าเรื่องย่อต่อ... หลังจากอาการลงเเดงโดนัทของชิโนบุสงบลง หงอนก็ปรึกษาเรื่องที่ไม่มีเงาในกระจกกับชิโนบุ ซึ่งชิโนบุก็ประเมินว่าเกิดจากการที่ไอ้หงอนนั้นให้ชิโนบุนั้นดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตหลายมากเกินไปและตอนนี้ก็น่าจะถึงลิมิตของมันแล้ว หากชิโนบุดูดเลือดไอ้หงอนอีกคราวนี้คงจะไม่ใช่แค่การทำให้ร่างกายมีความทนทานของแวมไพร์ หรือเเวมไพร์ที่พลังน้อยจนเกือบจะเป็นมนุษย์ แต่จะกลับไปเป็นแวมไพร์พลังเต็มเปี่ยมเหมือนเิดิมไปจริงๆ หรือพูดให้ง่ายเข้า...ฮาร์ทอันเดอร์เบลดกับผู้ติดตามจะกลับมา ซึ่งทั้งคู่ก็ตกลงวางแผนกันว่าจะหาคำปรึกษาจากนั้นไอ้หงอนก็ถามว่าควรจะเริ่มยังไงดีซึ่งชิโนบุก็ตอบไปสั้นๆว่า "นุ่งผ้าซะ!!!" จากการปรึกษากับชิโนบุ ชิโนบุลงความเห็นว่าสภาพของไอ้หงอนตอนนี้ร่อแร่จะกลายเป็นแวมไพร์อยู่แล้ว การที่ไม่มีเงาในกระจกก็ถือว่าเป็นผลพวงอย่างหนึ่งของอาการนี้ จากนั้นก็เล่นมุกเล็กน้อยตามประสาก่อนจะตัดกลับมาที่ไอ้หงอนนึกภาพของตัวเองตอนเป็นแวมไพร์ว่ามีความสามารถระดับอภินิหารแค่ใหน (ตามบทคิสุ ใครได้อ่านก็คงเข้าใจกัน) ซึ่งชิโนบุก็บอกให้ลองทดสอบดูโดยให้ไอ้หงอนยื่นแขนมาให้ชิโนบุข่วนซึ่งไอ้หงอนก็กล้าๆ กลัวถามว่าจะเจ็บมั๊ย ชิโนบุเลยกางเล็บออกแล้วบอกว่าข่วนแค่ผิวเองน่า(ตอนก่อนข่วนชิโนบุทำเสียงเอฟเฟคท์เองอีก...อืม..บ้าบอได้เรื่อยๆจริงๆอาเจ๊แวมพ์โลลินี่) ซึ่งจากการทดสอบก็เป็นไปตามคาด...ถึงจะไม่เร็วเท่าตอนโกลเด้นวีคแต่ไอ้หงอนก็ฟื้นตัวเร็วมากกว่าปรกติ หลังจากการทดสอบ + มุกตลกตายด้านจบลง ไอ้หงอนก็รู้ตัวว่าร่างกายของตัวเองนั้นก้าวเข้ามาสู่การเป็นแวมไพร์ไปเกือบครึ่งแล้วถึงในบางเรื่องที่ชิโนบุบอกมาอาจจะดูเหลือเชื่อไปนิดแต่หงอนก็เชื่อชิโนบุโดยที่ไม่มีข้อสงสัย ท้ายสุดทั้งคู่เลยถกกันว่าจะไปพึ่งใครดีเพราะโอชิโนะ เมเมะเองก็ไปอยู่ซะที่ใหนก็ไม่รู้แถมยังมีเรื่องของโอวกิอีก ไคกิก็ถูกตัดออกไปจากตัวเลือกด้วยเหตุผลบางประการที่รู้ๆกันดีในบท Koimonogatari และสำหรับกรณีแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำหรับเรื่อง "อมตะ" อย่างอาเจ๊คาเงนุอิ(ย้อนความความรู้สึกไอ้หงอนนี่เจ๊แกเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ) คือคนที่ไอ้หงอนอยากเลี่ยงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหลังจากร่ายยาวมาทั้งหมด ท้ายที่สุดชิโนบุก็เอ่ยชื่ออีกชื่อหนึ่งขึ้นมาว่า... "โอโนโนกิ โยสึกิไง" จากนั้นก็ร่ายยาวถึงน้องเก๊กหน้าสวยตามระเบียบ และมีการอ้างถึงคุรายามิกับสิ่งที่ไคอิควรเป็นด้วย (ใครอ่านบท Oni มาเเล้วน่าจะเข้าใจกันดี ว่าคุรายามิคืออะไร ทำหน้าที่อะไร บทที่น้องหอยสู่สุคตินั่นละ) ในระหว่างที่ไอ้หงอนกำลังนึกอยู่ว่าจะไปหาโอโนโนกิได้ที่ใหนนั้น ก็มีเมลมาจากกาเอ็น...แม่หญิงที่ประกาศตัวว่า"รู้ทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องใหนที่ไม่รู้"โดยมีใจความว่า (กาเอ็นคือคนที่เป็นรุ่นพี่ พวกโอชิโนะ อาเจ๊คาเงนุอิ เเล้วก็ไคกินั่นละ ใครอ่านบท Oni มาก็จะรู้) ในเมลจากกาเอ็นเขียนว่า [เจ็ดนาฬิกายามค่ำ(1ทุ่ม) ชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าที่สถานี ฉันส่งโยสึกิไปรออยู่ในโซนเกมของที่นั่น นานๆทีก็ตอบเมลกลับมาด้วยนะ จากเพื่อนของคุณ กาเอ็น อิสึโกะ] ซึ่งใจความหลักง่ายๆก็คือบอกว่าจะพบโอโนโนกิได้ที่เกมคอร์นเนอร์นั่นแหละ เมื่อรู้เรื่องแล้วไอ้หงอนก็ให้สึกิฮิไปค้างคืนที่บ้านสุรุกะพร้อมกับคาเรนด้วยการแถข้างๆคูๆไปเพื่อป้องกันกรณีเลวร้ายอย่างการปะทะกับคาเงนุอิ ก่อนจะโทรบอกภรรเมีย(ที่ได้รับการอนุมัติแล้วอย่างเป็นทางการจากค้างคาวและแมว) หรือน้องปูว่าจะไปผจญภัยหน่อยอย่าได้ห่วงไป จากนั้นไอ้หงอนก็ไปหาโอโนโนกิตามข้อมูลในเมลหลังจากขึ้นบันไดเลื่อนและมองหามุมเกมจนเจอแล้ว ไอ้หงอนก็ถึงกับเงียบเมื่อพบสิ่งที่ตามหาอยู่ในตู้คีบตุ๊กตา(ufo แคชเชอร์) สภาพแรกที่เจอโอโนโนกิก็คือนั่งจุมปุ๊กอยู่ในตู้กระจกคีบตุ๊กตา (นี่ตั้งใจเอาฮาใช่มั๊ย...?) เมื่อเห็นแบบนั้นไอ้หงอนเลยลองเคาะกระจกดูแล้วเรียก "โอโนโนกิ...[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "เอ่อ...โยสึกิ[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "โย...สึ...กิ...จาง" ไร้ซึ่งการตอบสนอง... "โย๊ต[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... เมื่อไม่มีผลไอ้หงอนจึงคิดว่าคงต้องลงทุนหน่อยแล้วจึงควักเนื้อตัวเองหยอดตูคีบตุ๊กตา ด้วยความคิดตื้นๆว่าแค่ตาละไม่กี่ตังค์เอาซะหน่อยก็ได้... และจากนั้นก็คงไม่ต้องเดากันสำหรับเรื่องนี้ว่ามันจะจบที่การผลาญเงินของไอ้หงอน...(รวมไปถึงตรรกะการเล่นเกมที่แสนจะบ้าบอของมัน) หลังจากวิบากกรรมผ่านพ้นไอ้หงอนก็สามารถจับโอโนโนกิลงช่องมาได้(มีโพสท่าด้วยนะ) แต่ก็ใช่ว่าจะจบเรื่อง... เพราะไซส์ของโอโนโนกินั้นใหญ่เกินกว่าที่จะออกมาจากช่องรับของไอ้หงอนเลยต้องออกแรงอีกรอบ หลังจากที่เอาโอโนโนกิออกมาได้และโดนตบตีด้วยสันมือตามประสาก่อนจะบอกว่า "กล้ามากนะที่ทำแบบนี้คุณพี่ชายยักษ์...คุณปีศาจ"(เพราะไอ้หงอนเเอบเนียน ทำกระโปรงน้องแกเปิด) จากนั้นก็ตบมุกเล้กน้อยก่อนจะทักทายกัน "ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ชายยักษ์" "เรียกแบบนั้นก็เหมาะกับผมแล้ว" "คุณพี่ชิโนบุเองก็ไม่ได้พบกันนานเลยนะ" "เรียกว่าคุณพี่ชิโนบุงั้นเหรอ อะไรล่ะนั่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกันซะหน่อย" "ขออภัยด้วยค่ะ ฉันผิดเองที่พูดไปตรงๆโดยไม่ได้คิดก่อน ฉันควรจะเรียกคุณว่าคุณแวมไพร์สินะ" "แบบนี้ก็พอรับได้ขึ้นมาหน่อย" จากนั้นก็เป็นการถามไถ่ถึงเรื่องว่าทำไมโอโนโนกิถึงมาอยู่ในตู้แบบนี้ แล็วก็กลับมาเข้าเรื่องว่าที่เธอไม่พูดตอนแรกเพราะเป็นคำสั่งของพี่สาว เมื่อไอ้หงอนถามว่าพี่สาวโอโนโนกิก็ชี้ไปที่บนหัวของไอ้หงอน... เมื่อแหงนมองก็พบเรียวขาของชิโนบุบนใหล่ (ชิโนบุยืนบนใหล่ไอ้หงอนตอนคุยกับโอโนโนกิ) มื่อมองสูงขึ้นไปกว่านั้นก็พบคำตอบ ชิโนบุยืนบนไหล่ไอ้หงอน เเละบนหัวชิโนบุมีอาเจ๊คาเงนุอิอยู่ ยืนต่อตัวกัน โดยที่ไอ้หงอนในตอนนี้ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยเเม้เเต่น้อย เพราะพละกำลังในฐานะเเวมไพร์ฟื้นคืนมาเยอะเเล้ว สตรีผู้ชำนาญการพิเศษสำหรับสิ่งลี้ลับประเภทอมตะ องเมียวจิผู้บ้าเลือดที่พร้อมจะบุกตะลุยด้วยฟอร์เมชั่นทูแมนเซล พี่สาววัยกลางคนของโอโนโนกิ โยสึกิ "คาเงนุอิ โยสึรุ" บนเรือนผมสีทองของชิโนบุ...ด้วยเท้าเพียงหนึ่ง ที่ไม่...แม้แต่จะถอดรองเท้า "ปรากฏกาย" ...สัตว์ประหลาดมาแล้ว...เปิดเริ่มเรื่องมาด้วยการแนะนำตัวน้องโย หรือ โอโนโนกิ โยทสึกิตัวหลัก(?)ของบทนี้ว่าเป็นสาวน้อยสึคุโมะกามิน่ารักปานตุ๊กตาอายุไม่กี่ขวบแสนจะไร้เดียงสาบลาๆๆๆๆๆ ตามแบบฉบับฉากเปิดนิยายจากนั้นก็ตามด้วยความคิดเห็นของไอ้อารารากิ โคโยมิ ซึ่งต่อไปขอเรียกว่าไอ้หงอน บรรยายความคิดไอ้หงอนอีกหลายหน้าก่อนจะทิ้งท้ายว่านี่คือเรื่องราวที่จะเป็นบทเริ่มต้นของ จุดจบ!!!! เรื่องทั้งหมด ตัดเข้ามาที่ไอ้หงอนโดนน้องนกกับน้องผึ้ง เข้ามาปลุกเช่นเดิม ก่อนที่จะบ่นร่ายยาวเรื่องนาฬิกาปลุกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดแสนจะเส็งเคร็งเฮงซวยและไอ้หงอนเกลียดเสียงและหลักการของมันมาก(แล้วทำไมเอ็งไม่ซื้อแบบเสียงพรีเคียวมาใช้ฟะ?จะบ่นเพื่อ?) จากนั้นก็คุยกันเรื่องวันวาเลนไทน์ก่อนไอ้หงอนจะเนียนขอช็อคโกแลตจากน้องสาวและโดนสาปส่งด้วยความสังเวชตามคาด จากนั้นก็สัพเพเหระลวนลามคาเรนไปตามเรื่อง(ละใว้ในฐานที่เข้าใจ) ก่อนจะพูดถึงเรื่องไฟร์ซิสเตอร์กันจากนั้นไอ้หงอนก็ไปเตรียมอ่างน้ำก่อนจะเจออีเวนท์สึกิฮิเข้ามาในห้องน้ำแบบกึ่งนู๊ดก่อนจะตบมุกว่าไอ้หงอนหื่นแล้วสกินชิปกัน...ด้วยการตีกันเล็กน้อยก่อนจะลงเอยด้วยการตัดสินว่าอาบน้ำด้วยกัน(ฉากบรรยายตอนอาบน้ำช่างหัวมันเหอะ...ผมไม่ใช่สายน้องสาว...แต่พ่อแม่พวกสูเป็นตำรวจแท้ๆทำไมไม่มาดูดำดูดีลูกๆบ้างฟระ) ในระหว่างอาบน้ำไอ้หงอนก็รู้สึกตัวว่ามันไม่มีเงาสะท้อนในกระจกแลยจัดการปิดปากน้องสาวด้วยวิธี...เอ่อ...ช่างมันเห๊อะ แต่ในตอนที่กำลังปิดปากสึกิฮิอยู่คาเรนก็กลับมาจากการวิ่งมาราธอนพอดีเลยจัดการโดดถีบไอ้หงอนซะหนึ่งดอก หลังจากผ่านพ้นวิกฤตห้องน้ำแสนระทึกมาได้ไอ้หงอนก็ตัดสินใจเรียกหาชิโนบุเพื่อขอคำปรึกษาด้วยประโยคคลาสสิค "เฮ้ ชิโนบุ ชิโนบุ ชิโนบุ ตื่นรึยัง...ไม่สิ ตื่นทีเถอะใหว้ล่ะชิโนบุ" ไอ้หงอนพูดคนเดียวในห้องก่อนจะสังเกตด้วยว่าแม้แต่กระจกในห้องก็ไม่มีภาพสะท้อนของตัวเอง ซึ่งหลังจากลงทุนแนบหน้าลงกับเงาบนพรมเรียกแล้วก็ไม่มีการตอบสนองจากชิโนบุกลับมา จากนั้นก็เป็นแฟลชแบ็คย่อๆถึงชิโนบุว่าเป็นอดีตแวมไพร์อกอึ๋มที่ไอ้หงอนเข้าไปพัวพันด้วยตอนโกลเด้นวีคนามคิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลดผ่านเหตุการณ์บลาๆๆๆๆ จนกลายมาเป็นสาวน้อยน่ารักผมทองอายุราวแปดขวบและสรุปอย่างย่นย่อซ้ำว่าคนที่อยู่ในเงาของไอ้หงอนในตอนนี้ก็คือโอชิโนะ ชิโนบุ ส่วนนี่ขอละเอียดนิดนึง "ชิโนบุ!ชิโนบุ!" ให้ตายสิ ไม่มีการตอบสนองโดยสิ้นเชิง ที่ไม่มีการตอบกลับมาแบบนี้...เพราะโดยปรกติแล้วแวมไพร์เนี่ยเป็นสิ่งมีชีวิตยามราตรีเลยไม่มีการตอบสนองตอนนี้อยู่แล้วรึเปล่าหว่า หรือเป็นเพราะว่ายังไม่มี "อะไร" ไปกระตุ้นให้ตอบกลับกันแน่ล่ะเนี่ย เพื่อพิสูจน์...ผมคงต้องทดสอบอะไรหน่อย ผมค่อยๆยืนขึ้น ชิโนบุ เอาล่ะนะ...ชิโนบุ "ชิโนบุ เช้าแล้วนะเฮ้ย!!!ถ้าไม่ยอมตื่นล่ะเดี๋ยวจะพลาดอะไรดีๆไปนา" ลองทำเรื่องไร้ค่าเลียนแบบน้องสาวที่เข้ามาปลุกตอนเช้าดู... ไม่มีรีแอคชั่นกลับมาอย่างที่คิดใว้เด๊ะ รึเป็นเพราะทำไม่เหมือนสองหน่อนั่นกันเนี่ย ผมรู้ดีว่าการโดนปลุกทั้งๆที่ง่วงอยู่เนี่ยมันแย่แค่ใหน เพราะงั้นผมจึงรู้ดีว่าควรจะรับมือยังไง ผมก้มลงเพื่อร้องเรียกอีกครั้ง... "ชิโนบุ!!! โดนัทมาแล้วนะเออ ชิโนบุ ของโปรดของเธอน่ะ มิสเตอร์โดนัทล่ะ โกลเด้นช็อคโกแล็ตไง" "แหล่มมากมาย!!!" เสียงกังวานดังก้อง พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวผมทอง ออกมาแบบง่ายๆด้วยลูกไม้ตื้นๆเลยแฮะ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ตัวละครในอนิเมสมัยเก่ามักจะต้องชูกำปั้นขึ้นฟ้าเวลาดีใจทุกที... แน่นอนว่าถ้าในกรณีนี้ผมที่อยู่เหนือเงาย่อมต้องโดนสอยปลายคางเข้าไปเต็มๆ... ผมลงไปกองอยู่ด้านหลัง...สภาพตอนนี้คงหงายคล้าแมลงอะไรตายล่ะนะ "โกลเด้น!โกลเด้นช็อคโกแลตอยู่ที่ใหนนำมันออกมาเดี๋ยวนี้นะนายท่าน หากนั่นคือคำโป้ปด เราจะกระชากเส้นเลือดท่านออกมาแล้วฆ่าทิ้งแน่ๆ" "..................." ผมดึงตัวขึ้น...รู้สึกเจ็บหลังหัวที่กระแทกกับพื้นเล็กน้อย ก็นะ...ผลตอบแทนที่ได้จากการไปกวนชิโนบุสิเนี่ย แต่ถ้าคิดว่าถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผมเชื่อมต่อไปที่เธอด้วยล่ะก็...มันก็ไม่ได้รุ้สึกแย่เท่าไหร่หรอก ในที่สุดชิโนบุ...ที่สุดแห่งบรรดาสิ่งแปลกประหลาด(ไคอิ)ทั้งมวลก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผมยันตัวท่อนบนขึ้น "เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ ชิโนบุ" ผมพูดออกไป "ผมไม่มีเงาสะท้อนในกระจก" "อะไรล่ะนั่น จะเล่านิทานเรื่องสโนว์ไวท์รึไง?งั้นนายท่านก็ช่างเป็นชายที่แสนดีมากมายสมกับที่มีคนอยากได้เป็นอันดับหนึ่งในโลกเลยล่ะ"(ตรงนี้ผมแปลผิดแน่ๆ...ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าชิโนบุต้องการจะสื่ออะไร) ชิโนบุหันรีหันขวางอย่างกระสับกระส่าย...คงต้องพูดอะไรบ้างล่ะ การที่ออกมาเดินวนเวียนหาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ล่ะนะ ผมยังหาเรื่องแถไม่ได้ด้วยสิ แถมท่าทางจะมองไปรอบๆเพื่อหาแต่โดนัทอย่างเดียวด้วย... ถ้าตอนนี้ผมพูดอะไรพลาดไปล่ะก็คงจบลงไม่งามแหงๆเพราะงั้นคงจะเป็นการดีกว่าถ้าจะเก็บเรื่องที่ตั้งใจจะพูดใว้ก่อน ".................." ในที่สุดชิโนบุก็หยุดมองไปรอบๆ... ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะว่าไม่ว่าจะมองไปที่ใหนเธอก็มองไม่เห็นโดนัทที่ว่านั่นแหละ จากนั้น...ผมพยายามทำหน้าตาให้จริงจังที่สุด เพื่อที่จะบอกออกไปว่าผมไม่สามารถเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกได้แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น... คำว่า "นายท่านของเรา" ก็มาพร้อมกับแววตาที่จ้องมอง "นี่นายท่าน...รู้อะไรใหม" "อะ...อะไรเล่า" "ในโลกใบนี้น่ะมันมีทั้งเรื่องที่โกหกได้และไม่สมควรที่จะโกหกนะ การโกหกที่ไม่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและการโกหกที่หยามหยันจิตวิญญาณ" "เอ่อ...นี่เธอจะบอกว่าการโกหกเรื่องโดนัทนี่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้งั้นเรอะ?" จิตวิญญาณของหล่อนก่อกำเนิดเกิดมาจากโดนัทรึไงฟะ? "ก็แน่นอนสิ..." ชิโนบุก้าวเดินมาอย่างแช่มช้า เสียงหัวเราะชวนสยองดังก้องแว่ว...อย่ามาใช้รอยยิ้มตัดสินโทษประหารกันในที่แบบนี้เซ่ "ที่นี่ไม่มีโดนัท...ไม่มีโดนัทที่เป็นสุดยอดในหมู่โดนัทอยู่เพราะงั้นจงรับรู้ด้วยร่างกายซะ รับรู้ถึงการถูกหลอกเรื่องโดนัทซร้าาาาาา" "ภาวะเสพติดโดนัทเรอะ!!!" จากนั้น ชิโนบุก็ทะยานเข้ามาอย่างแน่วแน่... แต่เรื่องในช่วงโกลเด้นวีค การตัดสินครั้งนั้นลิดรอนศักยภาพของแวมไพร์ของเธอไปมากมาย ก็นะ ที่เห็นในตอนนี้มันก็แค่การโจมตีบอดี้แอทแท็คจากเด็กสาวน่ารักอายุราวๆแปดขวบเท่านั้น ผมอ้าแขนทั้งคู่ออกแล้วสวมกอดเธอใว้ สวมกอดเธอด้วยความเอ็นดูที่สุดในโลก จากนั้นผมก็รู้สึกถึงการต่อต้านที่ลดลงในทันที ที่ยังขัดขืนอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงหน้าตาเท่านั้น "งือ...ลงโดนนายท่านกอดแบบนี้เราก็โกรธไม่ออกกันพอดีสิ" "แม่แวมไพร์ของผมจะเดเระเกินไปแล้ว!!!"(ผมมั่วและแอบอวย -3-) ...ฟินละ...กลับมาเข้าเรื่องย่อต่อ... หลังจากอาการลงเเดงโดนัทของชิโนบุสงบลง หงอนก็ปรึกษาเรื่องที่ไม่มีเงาในกระจกกับชิโนบุ ซึ่งชิโนบุก็ประเมินว่าเกิดจากการที่ไอ้หงอนนั้นให้ชิโนบุนั้นดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตหลายมากเกินไปและตอนนี้ก็น่าจะถึงลิมิตของมันแล้ว หากชิโนบุดูดเลือดไอ้หงอนอีกคราวนี้คงจะไม่ใช่แค่การทำให้ร่างกายมีความทนทานของแวมไพร์ หรือเเวมไพร์ที่พลังน้อยจนเกือบจะเป็นมนุษย์ แต่จะกลับไปเป็นแวมไพร์พลังเต็มเปี่ยมเหมือนเิดิมไปจริงๆ หรือพูดให้ง่ายเข้า...ฮาร์ทอันเดอร์เบลดกับผู้ติดตามจะกลับมา ซึ่งทั้งคู่ก็ตกลงวางแผนกันว่าจะหาคำปรึกษาจากนั้นไอ้หงอนก็ถามว่าควรจะเริ่มยังไงดีซึ่งชิโนบุก็ตอบไปสั้นๆว่า "นุ่งผ้าซะ!!!" จากการปรึกษากับชิโนบุ ชิโนบุลงความเห็นว่าสภาพของไอ้หงอนตอนนี้ร่อแร่จะกลายเป็นแวมไพร์อยู่แล้ว การที่ไม่มีเงาในกระจกก็ถือว่าเป็นผลพวงอย่างหนึ่งของอาการนี้ จากนั้นก็เล่นมุกเล็กน้อยตามประสาก่อนจะตัดกลับมาที่ไอ้หงอนนึกภาพของตัวเองตอนเป็นแวมไพร์ว่ามีความสามารถระดับอภินิหารแค่ใหน (ตามบทคิสุ ใครได้อ่านก็คงเข้าใจกัน) ซึ่งชิโนบุก็บอกให้ลองทดสอบดูโดยให้ไอ้หงอนยื่นแขนมาให้ชิโนบุข่วนซึ่งไอ้หงอนก็กล้าๆ กลัวถามว่าจะเจ็บมั๊ย ชิโนบุเลยกางเล็บออกแล้วบอกว่าข่วนแค่ผิวเองน่า(ตอนก่อนข่วนชิโนบุทำเสียงเอฟเฟคท์เองอีก...อืม..บ้าบอได้เรื่อยๆจริงๆอาเจ๊แวมพ์โลลินี่) ซึ่งจากการทดสอบก็เป็นไปตามคาด...ถึงจะไม่เร็วเท่าตอนโกลเด้นวีคแต่ไอ้หงอนก็ฟื้นตัวเร็วมากกว่าปรกติ หลังจากการทดสอบ + มุกตลกตายด้านจบลง ไอ้หงอนก็รู้ตัวว่าร่างกายของตัวเองนั้นก้าวเข้ามาสู่การเป็นแวมไพร์ไปเกือบครึ่งแล้วถึงในบางเรื่องที่ชิโนบุบอกมาอาจจะดูเหลือเชื่อไปนิดแต่หงอนก็เชื่อชิโนบุโดยที่ไม่มีข้อสงสัย ท้ายสุดทั้งคู่เลยถกกันว่าจะไปพึ่งใครดีเพราะโอชิโนะ เมเมะเองก็ไปอยู่ซะที่ใหนก็ไม่รู้แถมยังมีเรื่องของโอวกิอีก ไคกิก็ถูกตัดออกไปจากตัวเลือกด้วยเหตุผลบางประการที่รู้ๆกันดีในบท Koimonogatari และสำหรับกรณีแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำหรับเรื่อง "อมตะ" อย่างอาเจ๊คาเงนุอิ(ย้อนความความรู้สึกไอ้หงอนนี่เจ๊แกเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ) คือคนที่ไอ้หงอนอยากเลี่ยงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหลังจากร่ายยาวมาทั้งหมด ท้ายที่สุดชิโนบุก็เอ่ยชื่ออีกชื่อหนึ่งขึ้นมาว่า... "โอโนโนกิ โยสึกิไง" จากนั้นก็ร่ายยาวถึงน้องเก๊กหน้าสวยตามระเบียบ และมีการอ้างถึงคุรายามิกับสิ่งที่ไคอิควรเป็นด้วย (ใครอ่านบท Oni มาเเล้วน่าจะเข้าใจกันดี ว่าคุรายามิคืออะไร ทำหน้าที่อะไร บทที่น้องหอยสู่สุคตินั่นละ) ในระหว่างที่ไอ้หงอนกำลังนึกอยู่ว่าจะไปหาโอโนโนกิได้ที่ใหนนั้น ก็มีเมลมาจากกาเอ็น...แม่หญิงที่ประกาศตัวว่า"รู้ทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องใหนที่ไม่รู้"โดยมีใจความว่า (กาเอ็นคือคนที่เป็นรุ่นพี่ พวกโอชิโนะ อาเจ๊คาเงนุอิ เเล้วก็ไคกินั่นละ ใครอ่านบท Oni มาก็จะรู้) ในเมลจากกาเอ็นเขียนว่า [เจ็ดนาฬิกายามค่ำ(1ทุ่ม) ชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าที่สถานี ฉันส่งโยสึกิไปรออยู่ในโซนเกมของที่นั่น นานๆทีก็ตอบเมลกลับมาด้วยนะ จากเพื่อนของคุณ กาเอ็น อิสึโกะ] ซึ่งใจความหลักง่ายๆก็คือบอกว่าจะพบโอโนโนกิได้ที่เกมคอร์นเนอร์นั่นแหละ เมื่อรู้เรื่องแล้วไอ้หงอนก็ให้สึกิฮิไปค้างคืนที่บ้านสุรุกะพร้อมกับคาเรนด้วยการแถข้างๆคูๆไปเพื่อป้องกันกรณีเลวร้ายอย่างการปะทะกับคาเงนุอิ ก่อนจะโทรบอกภรรเมีย(ที่ได้รับการอนุมัติแล้วอย่างเป็นทางการจากค้างคาวและแมว) หรือน้องปูว่าจะไปผจญภัยหน่อยอย่าได้ห่วงไป จากนั้นไอ้หงอนก็ไปหาโอโนโนกิตามข้อมูลในเมลหลังจากขึ้นบันไดเลื่อนและมองหามุมเกมจนเจอแล้ว ไอ้หงอนก็ถึงกับเงียบเมื่อพบสิ่งที่ตามหาอยู่ในตู้คีบตุ๊กตา(ufo แคชเชอร์) สภาพแรกที่เจอโอโนโนกิก็คือนั่งจุมปุ๊กอยู่ในตู้กระจกคีบตุ๊กตา (นี่ตั้งใจเอาฮาใช่มั๊ย...?) เมื่อเห็นแบบนั้นไอ้หงอนเลยลองเคาะกระจกดูแล้วเรียก "โอโนโนกิ...[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "เอ่อ...โยสึกิ[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... "โย...สึ...กิ...จาง" ไร้ซึ่งการตอบสนอง... "โย๊ต[^_^]้ซึ่งการตอบสนอง... เมื่อไม่มีผลไอ้หงอนจึงคิดว่าคงต้องลงทุนหน่อยแล้วจึงควักเนื้อตัวเองหยอดตูคีบตุ๊กตา ด้วยความคิดตื้นๆว่าแค่ตาละไม่กี่ตังค์เอาซะหน่อยก็ได้... และจากนั้นก็คงไม่ต้องเดากันสำหรับเรื่องนี้ว่ามันจะจบที่การผลาญเงินของไอ้หงอน...(รวมไปถึงตรรกะการเล่นเกมที่แสนจะบ้าบอของมัน) หลังจากวิบากกรรมผ่านพ้นไอ้หงอนก็สามารถจับโอโนโนกิลงช่องมาได้(มีโพสท่าด้วยนะ) แต่ก็ใช่ว่าจะจบเรื่อง... เพราะไซส์ของโอโนโนกินั้นใหญ่เกินกว่าที่จะออกมาจากช่องรับของไอ้หงอนเลยต้องออกแรงอีกรอบ หลังจากที่เอาโอโนโนกิออกมาได้และโดนตบตีด้วยสันมือตามประสาก่อนจะบอกว่า "กล้ามากนะที่ทำแบบนี้คุณพี่ชายยักษ์...คุณปีศาจ"(เพราะไอ้หงอนเเอบเนียน ทำกระโปรงน้องแกเปิด) จากนั้นก็ตบมุกเล้กน้อยก่อนจะทักทายกัน "ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ชายยักษ์" "เรียกแบบนั้นก็เหมาะกับผมแล้ว" "คุณพี่ชิโนบุเองก็ไม่ได้พบกันนานเลยนะ" "เรียกว่าคุณพี่ชิโนบุงั้นเหรอ อะไรล่ะนั่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกันซะหน่อย" "ขออภัยด้วยค่ะ ฉันผิดเองที่พูดไปตรงๆโดยไม่ได้คิดก่อน ฉันควรจะเรียกคุณว่าคุณแวมไพร์สินะ" "แบบนี้ก็พอรับได้ขึ้นมาหน่อย" จากนั้นก็เป็นการถามไถ่ถึงเรื่องว่าทำไมโอโนโนกิถึงมาอยู่ในตู้แบบนี้ แล็วก็กลับมาเข้าเรื่องว่าที่เธอไม่พูดตอนแรกเพราะเป็นคำสั่งของพี่สาว เมื่อไอ้หงอนถามว่าพี่สาวโอโนโนกิก็ชี้ไปที่บนหัวของไอ้หงอน... เมื่อแหงนมองก็พบเรียวขาของชิโนบุบนใหล่ (ชิโนบุยืนบนใหล่ไอ้หงอนตอนคุยกับโอโนโนกิ) มื่อมองสูงขึ้นไปกว่านั้นก็พบคำตอบ ชิโนบุยืนบนไหล่ไอ้หงอน เเละบนหัวชิโนบุมีอาเจ๊คาเงนุอิอยู่ ยืนต่อตัวกัน โดยที่ไอ้หงอนในตอนนี้ไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยเเม้เเต่น้อย เพราะพละกำลังในฐานะเเวมไพร์ฟื้นคืนมาเยอะเเล้ว สตรีผู้ชำนาญการพิเศษสำหรับสิ่งลี้ลับประเภทอมตะ องเมียวจิผู้บ้าเลือดที่พร้อมจะบุกตะลุยด้วยฟอร์เมชั่นทูแมนเซล พี่สาววัยกลางคนของโอโนโนกิ โยสึกิ "คาเงนุอิ โยสึรุ" บนเรือนผมสีทองของชิโนบุ...ด้วยเท้าเพียงหนึ่ง ที่ไม่...แม้แต่จะถอดรองเท้า "ปรากฏกาย" ...สัตว์ประหลาดมาแล้ว...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น